
นักกิจกรรม นักปกป้องสิทธิ คนทำงานประเด็นทางสังคม เผชิญความเครียดและความกดดันจากหลายด้าน ทั้งในหน้างานเมื่อต้องพบกับความไม่เป็นธรรม กับกลุ่มผู้มีอำนาจ ผู้ตัดสินใจเชิงนโยบาย กับสมาชิกครอบครัว เพื่อนร่วมขบวนการ คนรัก เพื่อนในที่ทำงาน หรือในสถานศึกษา ความเครียดที่มากและ/หรือต่อเนื่อง สะสม มีโอกาสทำให้เราไม่สบาย หรือเสียสมดุล ไม่ว่าจะทางกายหรือทางจิตใจ
ความไม่สบายทางร่างกาย จิตใจ มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางสังคมและในชีวิต มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่ความอ่อนแอ ไม่ใช่ความผิดปกติของบุคคล (แค่สุขภาพของเราผิดไปจากปกติของเรา)
หากเราเสียสมดุลหรือรู้สึกไม่สบาย หมายความว่า ได้เวลาดูแลความรู้สึกและร่างกายของเรา เพื่อนนักกิจกรรม ผู้สื่อข่าวและศิลปินที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชน และแกนนำทางสังคมทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิง LGBTI และสมาชิกของกลุ่มชุมชนและอัตลักษณ์ที่ถูกเบียดขับให้เป็นชายขอบ สามารถติดต่อเพื่อขอรับการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ทั้งในยามที่ยังไม่สบาย แต่คาดว่าอาจจะมีเรื่องหนักในอนาคตอันใกล้ ยามที่เริ่มเสียสมดุล และในยามที่ไม่ไหวแล้ว
เหมือนกับการที่เราต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมไปด้วยกัน เป็นขบวนการ ความไม่สบายและสุขภาพของเรา ก็เป็นเรื่องที่พวกเราร่วมกันปกป้องดูแลเช่นกัน เป็นขบวนการ
ลองดูบริการรูปแบบต่างๆ ที่มีไว้สนับสนุนความสุขและสุขภาพของนักกิจกรรม ให้บริการโดยนักบำบัด ผู้ให้คำปรึกษา หรือผู้เยียวยาที่มีความเข้าใจนักกิจกรรม ประเด็นทางสังคม ประเด็นชายขอบ และเรื่องละเอียดอ่อนด้านเพศและเพศวิถี ด้านล่างนี้ได้เลย
ถ้าไม่อยากอ่าน สามารถติดต่อไปยังช่องทาง[ด้านล่าง] ได้เลยเช่นกัน มีผู้ให้คำปรึกษาเบื้องต้นและแนะนำบริการอยู่ปลายสาย
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง:
- คุณกำลังมีภาวะหมดพลังอยู่หรือเปล่า
- วิธีฟื้นฟูดูแลจากสภาวะจมดิ่งหมดพลัง
- นักกิจกรรมกับการดูแลความสุขของเราและเพื่อน
Contact:
หากต้องการรับบำบัดและบริการ สามารถติดต่อ เฟซบุ๊กเพจ fullyinwellbeing หรือทางทวิตเตอร์ @fulljaipeople
นักกิจกรรมสามารถเข้าถึงบำบัดและบริการอื่นๆ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ประเภทบำบัดและบริการ

รับฟังและให้คำปรึกษา
พบกับนักบำบัดหรือผู้รับฟังให้คำปรึกษา ทั้งแบบเจอหน้ากัน หรือแบบออนไลน์ (เปิดกล้องวิดีโอ หรือแบบคุยด้วยเสียงอย่างเดียว) ครั้งละประมาณหนึ่งชั่วโมง หรือไม่เกินสองชั่วโมง สามารถนัดเจอครั้งต่อๆ ไปได้
มีทั้งแบบคุยเฉพาะกิจเพื่อทบทวนเรื่องติดขัดในใจ หรือเพียงหาคนรับฟัง หรือนัดกันต่อเนื่องเพื่อทำงานกับตัวเองในบางเรื่อง
วิธีการที่นักบำบัดหรือผู้รับฟังให้คำปรึกษาใช้มีหลากหลายวิธี เช่น การบำบัดแนวซาเทียร์ (ค้นหาเรื่องติดขัดภายในลึกๆ ของเรา) การรับฟังแนวเสริมพลังเพื่อผู้ถูกกดขี่ (มองเห็นความไม่เป็นธรรมในสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการเยียวยาตัวบุคคล) การให้คำปรึกษาแนวโค้ชชิ่ง (ร่วมค้นหาจุดติดขัด และวิธีการที่เหมาะกับเราในการดูแล) เป็นต้น (ข้อความง่ายๆ ในวงเล็บไม่ครอบคลุมทั้งหมดที่เทคนิคต่างๆ เป็น และเราก็ไม่ได้จำเป็นต้องวิเคราะห์หรือเลือกว่านักบำบัด/ผู้รับฟังใช้วิธีไหน เอาแค่ว่าเราคุยด้วยแล้วสบายใจ ได้ประโยชน์ก็ได้นะ)
เราสามารถเลือกพบกับนักบำบัดหรือผู้ให้คำปรึกษาที่เราสบายใจจะคุยด้วย สไตล์ของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่นักบำบัดเพื่อนักกิจกรรมทุกคนสนับสนุนสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และมีความละเอียดอ่อนในเรื่องเพศ และความเป็นชายขอบ
ศิลปะบำบัด และกระบะทราย

ศิลปะ สื่อสร้างสรรค์ ตุ๊กตา ทราย เป็นเหมือนตัวช่วยให้เราทบทวนและเข้าใจความรู้สึกของตัวเราเองได้ชัดเจนขึ้น บางครั้งดึงเอาญาณทัศนะลึกๆ ของเราออกมา
สำหรับศิลปะบำบัด เราไม่จำเป็นต้องมีหัวศิลปะ หรือมีพื้นฐานศิลปะ ศิลปะที่ใช้เป็นเพียงสื่อง่ายๆ เพื่อให้เราได้ทำงานกับเรื่องราวและความรู้สึกของเรา มีทั้งวาด ระบาย ตัดแปะ ปั้น จัดวาง ฯลฯ
เหมาะกับคนที่มีเรื่องราวหรืออารมณ์บางอย่างที่อยากคลี่คลาย ทบทวน หรือดูแล โดยไม่ต้องเริ่มจากการพูดคุย เล่าเรื่อง ศิลปะของเราจะทำหน้าที่นั้น ในความดูแลของนักบำบัด เพื่อให้เราทำงานกับเรื่องราวและความรู้สึกของตัวเราเองอย่างปลอดภัย
*กระบะทราย*
เราเล่นกับตุ๊กตุ่นตุ๊กตา จัดวางลงในกระบะทราย และเล่นกับทราย โดยมีนักบำบัดพาเราเดินทางเพื่อทบทวนและดูแลเรื่องราว ความนึกคิด และความรู้สึกของเรา (ไม่มีแบบออนไลน์)

บำบัดเชิงพลังงาน
ร่างกายของเราเป็นมากกว่าระบบกล้ามเนื้อ หลอดเลือด น้ำเหลือง และประสาท ศาสตร์การแพทย์และสุขภาพแผนตะวันออกและการแพทย์โบราณในซีกโลกใต้ล้วนทำงานกับระบบการไหลเวียนพลังงานในร่างกายมนุษย์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นในแพทย์แผนจีน อายุรเวทย์ การแพทย์ธิเบต แพทย์แผนไทย และการแพทย์ของชนเผ่าพื้นเมืองในที่ต่างๆ ทุกทวีปในโลก (อันที่จริง มีเพียงการแพทย์แผนปัจจุบันในแนวทางของตะวันตกที่เป็นการแพทย์กระแสนิยมเท่านั้น ที่ไม่กล่าวถึงระบบพลังงานในฐานะส่วนหนึ่งของสุขภาพของมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังตีตราการรักษาเชิงพลังงานของการแพทย์ระบบอื่น บนผลกำไรมหาศาลที่เจ้าขององค์ความรู้ เช่น บริษัทยา โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยทางการแพทย์เก็บเกี่ยว ในประวัติศาสตร์สั้นๆ ของการแพทย์สมัยใหม่ นับแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม)
ในศาสตร์ของพลังงาน ความเจ็บป่วยทางร่างกายแทบทั้งหมดเริ่มต้นที่ความติดขัดในระบบพลังงาน เมื่อถูกมองข้ามนานเข้า จึงทำให้ระบบทางกายภาพเกิดความผิดปกติไปด้วย เพราะจุดสำคัญทางพลังงานมักมีอวัยวะสำคัญของเราตั้งอยู่ด้วย
การบำบัดเชิงพลังงานเป็นการเยียวยาและปรับสมดุลให้กับระบบพลังงานโดยตรง เช่น เคลื่อนจุดที่ติดขัด ปรับการไหลเวียน ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพทางกาย และส่งผลต่อสภาวะอารมณ์และจิตใจที่เป็นผลมาจากความติดขัดทางพลังงานด้วย
มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่จะรับรู้พลังงานในตัวเอง ในผู้อื่น และนักบำบัดเชิงพลังงานคือผู้ที่ฝึกฝนการดูแลสุขภาพเชิงพลังงาน
การบำบัดเยียวยาเชิงพลังงานที่เราสามารถรับบริการได้ ได้แก่
*ไบโอเธอราปี* นักบำบัดพูดคุยเพื่อรับทราบความเจ็บป่วยทางร่างกาย หรือจิตใจ โดยอ้างอิงโรคในทางการแพทย์ เช่น ไมเกรน โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โรคเลือดและความดัน ฯลฯ รวมไปถึงซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล เป็นต้น
นักบำบัดใช้กระบวนการเคลื่อนพลังงานเพื่อปรับระบบพลังงานในร่างกายของผู้รับบริการ ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที และต้องทำต่อเนื่องประมาณ 4 ครั้ง
สามารถทำแบบเจอหน้าหรือไม่เจอหน้ากันก็ได้

โยคะ การนวดตัวเอง และลมหายใจ
ทั้งหมดคือการทำงานกับร่างกาย เพื่อให้เรากลับมายังสภาวะที่มั่นคงภายในร่างกายของเรา ใช้ร่างกายและสิ่งที่มีในร่างกาย เช่น ลมหายใจ จุดสะท้อน และชีพจร เป็นฐานที่มั่นในการพยุงอารมณ์ คลี่คลายสิ่งที่กำลังเผชิญในชีวิต และกำหนดเจตจำนงเพื่อการใช้ชีวิตของเรา
โยคะเพื่อการเยียวยาไม่จำเป็นต้องใช้ท่าที่ยาก และผู้ฝึกไม่จำเป็นต้องจัดหาอุปกรณ์ เช่น เสื่อโยคะ เสื้อผ้ารัดรูป
สามารถนัดกับผู้สอนทำเดี่ยวแบบออนไลน์ ครั้งละหนึ่งชั่วโมง เหมาะกับผู้ที่กำลังผ่านช่วงเวลายากในชีวิต ซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือไม่แน่ใจว่าทำไมจึงมีความรู้สึกไม่สบายใจ ไม่สบายตัว ร่างกายทั้งหมดจะช่วยพาให้เราทะลุผ่านมันไป หรือเยียวยาเราโดยที่สมองไม่ต้องไคร่ครวญอยู่ฝ่ายเดียว

ผ่อนคลายและนอน
เวลาที่ร่างกายตอบสนองกับความเครียดหรือเรื่องเร่งด่วนมากเข้า ก็อาจจะยากที่จะคลายตัวลง มีวิธีการบางอย่างที่สามารถชักนำให้ร่างกายและระบบประสาทคลายตัว ทำให้เราหลับง่ายขึ้น หรือพักผ่อนได้ลึกขึ้น เช่น การผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละจุด การหายใจบางรูปแบบ การรับรู้ร่างกายไปตามจุดชีพจร เป็นต้น เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือติดต่อนักเยียวยาเพื่อฝึกการผ่อนคลายในรูปแบบที่เหมาะกับเรา
เราสามารถเปิดพอดคาสท์ ปูเสื่อนอน เพื่อฟังเสียงพูดนำเราผ่อนคลายก่อนนอน หรือในเวลาที่ต้องการพักระหว่างวันได้ที่ [ปูเสื่อพอดคาสท์]

เสียงบำบัด
เสียงบำบัดเป็นการใช้เสียงและการสั่นสะเทือนของเสียงในคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน เพื่อบำบัดร่างกายและจิตใจ อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อสร้างเสียงมีหลากหลาย รวมไปถึงเสียงฮัมของมนุษย์ และเสียงที่เราสร้างได้เอง
*ระฆังทิเบต* ผู้รับบริการนอนราบ นักบำบัดสร้างเสียงด้วยระฆังแปดใบ สำหรับปรับสมดุลจักระ หรือศูนย์พลังงาน จุดต่างๆ บนร่างกาย และปรับคลื่นสมองให้สมดุล ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที (ไม่มีแบบออนไลน์)
*การฮัมด้วยเสียงเราเอง* สามารถนัดเรียนรู้และฝึกฝนกับนักบำบัดเพื่อใช้ดูแลตัวเองง่ายๆ ที่บ้านได้ หลักการเดียวกับระฆัง โดยจุดกำเนิดเสียงอยู่ในร่างกายเราเอง

จัดส่งอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนความสุขและสุขภาพ
นักกิจกรรมสามารถติดต่อขอรับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้
- สมุนไพรช่วยในการนอน/คลายอารมณ์ (ชะเอมเทศ ว่านสาวหลง เกสรบัวหลวง)
- สมุนไพรแช่เท้า
- เทียนหอมคลายเครียด
- ยาหม่องสมุนไพรคลายเครียด ยาดมสมุนไพร เป็นต้น
*Bach’s Flower* น้ำยาดอกไม้เพื่อช่วยดูแลอารมณ์และปรับสมดุลพฤติกรรมของเราที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากเราเสียสมดุล ทำจากดอกไม้ ปลอดภัย กินง่าย ใช้หยดใส่น้ำหรือหยดใส่ปากโดยตรง สำหรับการใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 2-4 อาทิตย์ ต้องเลือกดอกไม้หรือพืชที่เข้ากับเราประมาณ 1-7 ชนิด จากเมนู สามารถเลือกเองหรือเลือกกับนักบำบัดได้ (นัดคุยกันออนไลน์หรือเจอหน้า)