Home » ร้านใหม่กับก้าวใหม่ของชีวิต

ร้านใหม่กับก้าวใหม่ของชีวิต

by หลังบ้าน
“ก่อนหน้านี้พี่ทำ Catering รับทำอาหารจัดเลี้ยงให้องค์กรต่างๆ จุดขายคือใช้วัตถุดิบมาจากเกษตรอินทรีย์ Packaging มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อย ลูกค้าเราจึงเป็นบริษัทหรือองค์กรที่สนใจด้าน CSR หรือองค์กรนักกิจกรรมที่ใส่ใจเรื่องนี้ แต่พอมีโควิดปุ๊บ โดนยกเลิกงานหมดเลย ตอนว่างก็มีคนเชียร์ให้ทำ Delivery พี่ลองทำแล้ว แต่ก็ไม่โอเคเท่าไหร่ เพราะเราไม่มีฐานลูกค้า ช่วงโควิดเลยว่าง พักอยู่บ้าน ดูซีรี่ย์ โชคดีที่งานเรามันจ้างเป็นจ๊อบ ไม่มีอาหารต้องสต๊อกเยอะ ของไม่บูดไม่เน่า เลยไม่ได้รับผลกระทบแรง แต่ยังมีหนี้และค่าใช้จ่ายรายเดือนอยู่ ก็เลยต้องใช้เงินเก็บสำหรับเกษียณไปก่อน

วันๆ ที่อยู่บ้านก็นั่งๆ นอนๆ สั่งอาหารเพื่อนมากิน จนหมอทักว่าทำไมค่าเบาหวานขึ้น โอ้ย (หัวเราะ) สุขภาพไม่โอเคเลย ประมาณปีที่แล้ว น้องชวนมาลองเปิดร้านอาหารที่นี้ g Garden โดยเจ้าของพื้นที่ให้เราใช้ตรงนี้ได้ 2 ปี และทำธุรกิจเพื่อสังคมที่สนับสนุนให้เกิดการเกษตรในเมือง เราก็สนใจ เพราะเราทำอาหารเป็นอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเปิดร้าน แต่มีความคิดว่าชีวิตบั้นปลายอยากไปเปิดร้านที่ต่างจังหวัด เลยเริ่มทำกับน้องๆ ในทีม

จริงๆ ร้านนี้เริ่มจากเปิดร้านรถตู้ก่อนนะ ขายเครื่องดื่มอาหารว่างให้คนผ่านไปผ่านมา คนก็งงว่าทำไรกัน เดินมาถามว่าขายอะไร ตอนนั้นได้วันละ 500-1,000 บาทก็ดีแล้ว ถือว่าทำขำๆ พอสวนและร้านเป็นรูปเป็นร่างก็เปิดร้านจริงจังตั้งแต่กลางธันวาคมที่ผ่านมา

ด้วยความที่เป็นครั้งแรกที่เปิดร้าน จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้หยุดเลย (หัวเราะ) เวลาจะนอน สมองจะคิดตลอดว่าเราจะพัฒนายังไงดี จะบริหารงานยังไง การตลาดยังไง ต้องให้น้องคุยกับลูกค้ายังไง ห้องน้ำสะอาดพอหรือยัง ฯลฯ เพราะเรายังใหม่กับการเปิดร้าน ยิ่งในยุคโควิดก็ยิ่งต้องระวังมากๆ โชคดีที่เป็นร้าน Open air เอาเสื่อมาปูเว้นระยะห่างกันได้สบายเลย

เราตั้งชื่อร้านว่า Sipping ที่แปลว่าจิบ เพราะอยากชวนคนมาจิบอะไรช้าๆ มีความนั่งโง่ๆ จิบกาแฟ จิบอาหาร จิบบรรยากาศ นั่งเหม่อ เราไม่คิดอยากไล่ใคร กินกาแฟแก้วเดียวจะมานั่งทั้งวันก็ไม่ว่า เพราะเรารู้ว่าการใช้ชีวิตในเมืองมันเหนื่อยนะ คนน่าจะอยากได้ที่นั่งสบายๆ ใช้เวลาเหม่อๆ พักๆ บ้าง ที่นี้ทั้ง slow food, slow life แม้แต่บาริสต้าก็เหม่อ พี่ก็เหม่อ เวลาฝนตก ไม่มีลูกค้า ก็นั่งเหม่อมองฝน ดมกลิ่นดิน แล้วก็คุยกันว่า โห ชอบมากเลย จนคนนึงพูดขึ้นมาว่า แล้วไม่ขายของเหรอ? ก็ขำกันไป

เบื้องหลังเมนู เราจะคิดกับน้องๆ ในทีมว่าเอาของในสวนมาทำอะไรดี อย่างใบหูเสือ เอามาใส่เกี๊ยวก็ปรากฏว่าอร่อย กลายเป็นเมนูประจำ อย่างโรสเเมรี่ คาลามิ้นท์ปลูกเอง ก็เอามาทำเครื่องดื่ม แล้วมันก็หอมดี หรืออย่างแก่นตะวันก็ซื้อจากเกษตรกรมาใส่กับผักในสวนทำไข่เจียวก็อร่อยดี พี่มองว่าเรามาอยู่ในที่ที่โชคดีมาก มีโปรเจกต์ของสวนที่พัฒนาอะไรใหม่ๆตลอด มีเกษตรกรมาเปิดตลาดเกษตรอินทรีย์ตรงนี้ทุกอาทิตย์ ทำให้เราไม่ต้องไปวิ่งหาของเอง

เวลาได้ดูลูกค้านั่งสบายๆ อุ้มลูก จูงหมาแมวมาเดินเล่น มาถ่ายรูปเล่น เราก็เพลินนะ เขาได้พัก ส่วนเราได้เริ่มทำอะไรใหม่ๆ แม้รายได้ตอนนี้ยังไม่เยอะ เพราะเพิ่งเปิดร้านและมีเรื่องต้องซื้อ ต้องลงทุนอีกเยอะ ก็ยังโชคดีที่งาน Catering เริ่มกลับมาแล้ว เลยมีรายได้หลักทางนั้นมาช่วยแบ่งเบา”

เธออายุ 40 ปี เจ้าของ love eaten และหุ้นส่วนร้าน Sipping in Garden

หมายเหตุ : สัมภาษณ์เธอครั้งที่สองในปี 2565

พรรัตน์ วชิราชัย

นักเขียนที่ถนัดงานสัมภาษณ์ สนใจประเด็น feminist ความเป็นธรรมทางเพศ ประเด็นสุขภาพจิต ฯลฯ ชอบดูซีรีย์และเดินทางเวลาเหนื่อย

You may also like